Sunday, 6 July 2014

เที่ยวป่าชายเลน เปิดประสบการณ์เรียนรู้นอกห้องเรียน



= = เสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2557 = =

แม่กับป่าป๊ามีธุระที่ระยอง ตื่นเช้ามาเลยคุยกันว่า เอ...ไหนๆ ก็ไประยองแล้ว แถวนั้นมีอะไรให้เที่ยวมั๊ยน๊า ลอง search ข้อมูลใน Internet ดู เห็นเรื่อง "ป่าชายเลน" น่าสนใจดีแฮะ เรายังไม่เคยไปกันเลย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจะมีสิ่งใหม่ๆ ให้น้องเกรซรวมทั้งแม่กับป่าป๊าได้เรียนรู้เยอะแน่ๆ แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว เลยสรุปกันว่าทำธุระเสร็จจะพาหนูไปเที่ยวป่าชายเลนกันวันนี้

ทำธุระเสร็จประมาณ 12.30 น. ป่าป๊าลองเช็คเส้นทางและเวลาในการเดินทางจาก Google map ปรากฎว่า ถ้าไปจะไปป่าชายเลนที่ระยอง มันต้องขับรถไปอีกตั้ง 2 ชม. หนะ ท่าจะไม่ไหว นานเกินไป เลยอธิบายเหตุผลให้น้องเกรซฟังและให้หนูเลือก ระหว่าง จะไปป่าชายเลน กับ ไปซื้อหอยชักตีน มากิน (พอดีตอนตื่นเช้าน้องเกรซบอกอยากกินหอยชักตีนมากเลย) ปรากฎว่า หนูยืนยันที่จะไปป่าชายเลนแฮะ ป่าป๊าเลยลองถามป้ากูเกิ้ลดูใหม่ว่าที่ชลบุรีมีรึเปล่า โชคดีที่มีเหมือนกัน เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย แถมยังใช้เวลาขับรถจากระยองไปแค่ประมาณ 1 ชม.เท่านั้น เราเลยเปลี่ยนสถานที่กันนิดหน่อย (โดยไม่บอกให้หนูรู้ 555)

แม่เป็นคนขับ ระหว่างทางก็เปิด Google Map ไปด้วย ก็จะมีเสียงป้ากูเกิ้ลบอกตลอดทางว่าไปทางไหน ยังไง ตอนที่แวะจอดเติมแก๊ส น้องเกรซบอกว่า "ป้ากูเกิ้ลนี่ใจดีนะ หยุดรอเราเติมแก๊สด้วย" 555 ความคิดของเด็กนี่ซื่อตรง น่ารักชะมัดเลย ไหนๆ ก็ขับมาถึงเมืองชล แม่ขอแวะซื้อครกที่อ่างศิลาซะหน่อย เอาไว้ตำน้ำพริกกะปิที่บ้าน อิอิ

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ขอแวะเติมพลังที่ร้านอยุธยา กุ้งเผา ก่อน เคยเห็นป้ายร้านนี้ที่ศรีราชา ดูน่าอร่อยดี มาชลบุรีก็มีอีก (ถามที่ร้าน เค้าว่าเป็นญาติกัน) เลยต้องขอลองซะหน่อย กุ้งที่ขายมีหลายไซส์เลย เราเลือกมา 1 โลสำหรับเผาและแบ่งทำกับข้าวได้อีก 1 อย่าง เมนูวันนี้เลยมี กุ้งเผา กุ้งอบวุ้นเส้น และพุง ไข่ หัวปลาช่อนต้มยำน้ำใส ไม่ผิดหวังอร่อยทุกอย่าง

 
 
ทางร้านมีน้ำล้างมือมาให้ 1 อ่างใหญ่ ใส่มะนาวและใบชา น้องเกรซไม่เคยเห็นมาก่อน ถามใหญ่ว่าคืออะไร เอาไว้ทำไม ป่าป๊ากับแม่เลยอธิบายให้ฟังว่า เอาไว้ล้างมือ ดับกลิ่นคาวกุ้งที่เราแกะไป ใบชาจะช่วยดูดกลิ่น ทำให้มือเราไม่เหม็น มะนาวก็เอาไว้ขัดล้างคราบมันออกไป สนุกหนูละทีนี้ ล้างใหญ่เลย ล้างเสร็จแม่บอกให้ดมดูสิว่า มือหนูหอมรึเปล่า ^ ^
 


 
 
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อ พร้อมตะลุย "ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเทศ จ. ชลบุรี" ป่าชายเลนที่นี่มีสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งยาวถึง 2,300 เมตร โอ้โห แค่นี้ก็น่าตื่นเต้นแล้ว ทางเข้าจะมีแผนที่เส้นทางเดินให้เราดู เวลาเปิด-ปิดของที่นี่ คือ 8.30 น. - 18.30 น.
 
 
เราไปถึงกันเวลาประมาณ 4.30 น. แดดไม่แรงมาก มีลมเย็นๆ พัดโชยมาเป็นระยะๆ เราใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงกว่าๆ ทางเดินจะเป็นทางแยกซ้าย-ขวา เราจะเดินไปทางไหนก่อนก็ได้เพราะสุดท้ายมันก็จะต้องเดินวนมาบรรจบกันอยู่ดี
 
 
 
 
ตอนเช้าก่อนออกจากบ้านแม่บอกให้น้องเกรซพกกล้องส่องทางไกลของหนูมาด้วย พอมาถึงแม่ให้หนูลองส่องกล้องดูที่ดินเลนซิว่าหนูเห็นอะไรบ้าง ^ ^
 

 
วันนี้ทั้งน้องเกรซ ป่าป๊า และแม่ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เยอะแยะเลย ตอนนั่งรถกลับบ้านกัน แม่ชวนหนูมาช่วยกันนับ นับไปนับมา ได้เห็น ได้ยิน ได้รู้จักสัตว์ที่นี่ทั้งหมด 7 ตัวเลยน๊า

 
สัตว์ตัวแรกที่เห็นกันคือ "ปลาตีน หรือ ปลาจุมพรวด" มันเดินถอยหลังได้ด้วยอ่า อะเมชซิ่งมากๆ
 


 
 
เดินต่อไปอีกนิด ตัวที่สองที่เห็น คือ "ปูทะล หรือ ปูดำ" ตรงพื้นดินเลนจะมีรูปูและปูเต็มไปหมด แต่พอพวกเราเดินไปใกล้ๆ พวกมันก็จะรีบวิ่งมุดลงรูกันใหญ่
 

ตัวที่สาม คือ "ปูก้ามดาบ" ทีแรกตอนที่เห็นแม่กับป่าป๊าก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือปูอะไร เห็นก้ามมันมีสีแดงๆ เดินไปสักพักเค้าจะมีบอร์ดให้ความรู้ อธิบายเรา ทั้งชื่อต้นไม้ที่ขึ้นที่ป่าชายเลน และสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี่ สนุกและได้ความรู้เยอะแยะเลย
 
 
ทางเดินช่วงแรกจะร้อนหน่อยเพราะต้นไม้ยังไม่โต แต่พอเดินเข้าไปสักพักก็ไม่ร้อนละ ต้นไม้ขึ้นสูงเต็มไปหมด
 


 
 
 
เดินต่อไปสักพัก สัตว์ตัวที่ 4 ที่เห็นก็คือ "ค้างคาวแม่ไก่" ตอนที่ยังเดินไปไม่ถึงก็ได้ยินเสียงพวกมันร้องดังทีเดียว ทีแรกคิดว่าเสียงนกซะอีก พวกมันเกาะกันอยู่บนต้นไม้เยอะมากๆ
 

 
 
แรกๆ น้องเกรซก็ตื่นเต้น ดูโน่นดูนี่ดีอยู่หรอก แต่ด้วยความที่ระยะทางเดินมันยาวตั้ง 2300 เมตร ช่วงหลังหนูเลยแบตหมด ต้องให้ป่าป๊าอุ้มซะงั้น โชคดีจริงๆ ที่ป่าป๊ามาด้วย ไม่งั้นแม่ตายแน่ๆ เพราะป่าป๊าอุ้มหนูเดินไกลมาก แม่กับป่าป๊ายังคุยกันเล่นๆ เลยว่า มาคราวหน้าเอารถเข็นหนูมาด้วยดีกว่า
 
 
 
 
"งู" เป็นสัตว์ตัวที่ 5 ที่เราเห็นกัน ป่าป๊าเป็นคนเห็นก่อนคนแรก แต่เราไม่รู้ว่ามันคือ งูอะไร เพราะเค้าไม่มีป้ายบอกไว้ ตัวมันเล็กๆ สีน้ำตาลเหมือนดินโคลน ตอนที่เห็น มันกำลังเลื้อยอยู่ในแอ่งน้ำ
 
 
พอเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ สักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนน้ำหยด ดัง "เปาะ แปะ เปาะ แปะ" ซึ่งเป็นที่มาของสัตว์ตัวที่ 6 ที่เราได้รู้จักแต่ไม่ได้เห็นตัวมัน เจ้าตัวที่ทำเสียงเหมือนน้ำหยด ก็คือ "กุ้งดีดขัน" ซึ่งเป็นกุ้งขนาดเล็ก ลำตัวใส ขาเดินคู่แรกเป็นก้ามหนีบ ข้างขวามีขนาดใหญ่กว่าข้างซ้าย สามารถดีดทำเสียงดัง ปอก ปอก เมื่อนำกุ้งชนิดนี้ไปใส่ในขัน แล้วใส่ขนไก่หรือก้านไม้เล็กๆ แหย่บริเวณก้ามหนีบ กุ้งจะใช้ก้ามหนีบขบกันทำให้เกิดเสียงดัง ชาวบ้านเลยเรียกว่า กุ้งดีดขัน
 
เดินต่อมาอีกจะเห็นทะเล แต่ไม่มีน้ำเลย เป็นทะเลที่แห้งมาก มีแต่ดินโคลน ตรงนี้จะเป็นแหล่งอนุรักษ์พ่อแม่พันธุ์ "หอยแครง" ซึ่งก็คือสัตว์ตัวที่ 7 ที่เราได้เห็นกัน เห็นแต่ก้นหอยแครงไม่กี่ตัว ป่าป๊าบอกว่ามันน่าจะอยู่ในโคลน


 

เดินมาถึงตรงนี้ แม่เริ่มเมื่อยละ แต่ป่าป๊าคงจะเมื่อยมากกว่าเพราะต้องอุ้มหนูตลอดทาง เลยต้องหลอกล่อให้หนูลงเดินเองบ้างละ แต่หนูก็เดินเองได้แป๊บเดียวและเริ่มขอให้ป่าป๊ากับแม่อุ้มอีก แค่นั้นไม่พอ ท่าจะง่วงจริงๆ แฮะ ดูดนิ้วเฉยเลย
 
 
เดินมาถึงสะพานแขวน มีทางแยกเดินข้ามสะพานแขวนต่อไปกับทางแยกไปอีกทาง เราเลือกที่จะไปอีกทางเพราะดูท่าแล้วน่าจะเป็นทางกลับมากกว่า เดินอยู่ที่นี่ชั่วโมงกว่าๆ เหนือยเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ ออกกำลังกายไปในตัวเลยละ



 
แม่เห็นป่าป๊าอุ้มหนูนานแล้วเลยอาสาแบกหนูต่อบ้าง ป่าป๊าจะได้พักสักหน่อย โชคดีที่เดินต่ออีกไม่ไกลมากก็ถึงทางออกพอดี ระหว่างทางเห็นมี "ต้นแสมทะเล" ขึ้นด้วย ออกด้วยเป็นช่อสีเหลืองอมส้ม (ความรู้ใหม่เพิ่งได้จากทริปนี้อีกแล้ว)
 
 
 


 
ก่อนจบทริปวันนี้ป่าป๊าขอแวะลอง "ไอติม 100 ถัง" ตรงสี่แยกคีรี ซะหน่อย ผ่านหลายครั้งไม่มีโอกาสชิมซะที ดูชื่อมันน่าอร่อยดี แต่พอลองชิมจริงๆ กลับงั้นๆ แฮะ ไอติมผสมน้ำเยอะ ละลายเร็วมาก ไอติมหลายรสที่อยากลองก็หมด คงเป็นเพราะเรามาถึงก็ 6 โมงเย็นแล้ว



จบทริปครอบครัวปุ๊บปั๊บทัวร์วันหยุด แบบแฮปปี้ คุ้มค่า น้องเกรซได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เห็นของจริง ที่ไม่ใช่แค่ในหนังสือเยอะแยะเลย ที่สำคัญแม่กับป่าป๊าก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กับหนูเยอะเลยจ้า แม่กับป่าป๊ารักน้องเกรซที่สุดในโลก 
 
 
 
 
 
 
 
 
 



No comments:

Post a Comment