Tuesday, 8 July 2014

บันทึกจากแม่ ตอนที่1: เติมไม่ตัด

 
= = อาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2557 = =
 
โปรแกรมวันนี้ของน้องเกรซ คือ ช่วงเช้ามีนัดไปเล่นกับเจ่เจ้ที่บ้านคุณย่า บ่ายโมงถึงบ่ายสามไปเรียนศิลปะและร้องเพลงที่นารีทิพย์ บ่ายสี่โมงมีนัดว่ายน้ำที่หมู่บ้านกับเพื่อนๆ หนู
 
วันนี้น้องเกรซตื่นประมาณ 8 โมงกว่าๆ เราคุยกันว่าจะให้หนูไปกินข้าวเช้าที่บ้านคุณย่าพร้อมเจ่เจ้เลย ด้วยความที่หนูเป็นเด็กทำอะไรช้า โอ้เอ้ กว่าหนูจะลุกจากเตียง กว่าจะแปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว จะใช้เวลานานมาก (ในความรู้สึกของแม่และป่าป๊า)
 
เช้านี้ก็เหมือนกัน น้องเกรซลุกจากเตียงแล้ว แม่เรียกให้หนูไปแปรงฟัน เสร็จแล้วจะได้อาบน้ำแต่งตัว ไปกินข้าวที่บ้านคุณย่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างๆ จากวันอื่นๆ แม่เรียกน้องเกรซอยู่ประมาณ 2-3 รอบ แต่สิ่งที่น้องเกรซทำคือ ไม่ได้เดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน แต่กลับมายืนง่วนอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือของแม่ที่มีสมุดเล่มใหญ่ที่ป่าป๊ายกให้หนูเอาไว้ขีดๆ เขียนๆ เล่นตามใจชอบวางอยู่
 
การที่แม่เรียกหนู 2-3 ครั้งแล้ว หนูก็ยังเฉย ไม่ตอบ ไม่ทำตาม มันช่างยั่วให้แม่หงุดหงิดได้ง่ายมาก ด้วยความที่แม่เป็นแม่ที่หงุดหงิดง่าย ขี้โมโหอยู่แล้ว ณ ตอนนั้น แม่ก็เกือบจะเริ่มหงุดหงิดหนูอยู่แล้วละ เพราะใจแม่มัวแต่ไปกังวลว่า กว่าที่หนูจะทำอะไรเสร็จ เดี๋ยวก็สาย กว่าจะไปถึงบ้านคุณย่า กว่าจะกินข้าวเสร็จ กว่าจะได้เล่นกับพี่ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ต้องไปนารีทิพย์แล้ว เดี๋ยวหนูก็จะงอแงอยากเล่นต่ออีก แม่คิดๆๆๆ มโนไปเองสารพัด ตามประสาคนขี้กังวล
 
แล้วสิ่งที่แม่เพิ่งไปเข้าคอร์สอบรม "ฟังลูกให้ได้ยินด้วยหัวใจ" ก็แว่วเข้ามาในหัวแม่ทันที "เติม แต่ไม่ตัด" ประโยคสั้นๆ ที่สะเทือนใจแม่อย่างมากตอนที่ฟังครูพบพูดถึงเรื่องนี้
 
สิ่งที่แม่กำลังจะทำ ณ ตอนนั้นคือ แม่กำลังจะตัดพัฒนาการ จินตนาการ ความคิด ความเชื่อมั่นใจตัวเองของหนู พอนึกได้แม่จึงหยุดเรียกน้องเกรซ และตั้งสติรอดูว่าหนูกำลังทำอะไรต่อไป
 
ซึ่งพอแม่หยุดแล้ว สิ่งที่เห็นคือ น้องเกรซใช้เวลาไม่นานเลย หนูถือสมุดเล่มใหญ่เล่มนั้นเดินเอามาอวดให้แม่กับป่าป๊าดูด้วยความภาคภูมิใจ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุข
 
 
มันอาจจะดูไม่มีอะไรในสายตาคนอื่น แต่มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากในสายตาแม่ มันคือ จินตนาการของหนู หนูเขียนเรื่องราว เขียนเบอร์โทรศัพท์แม่ เขียนชื่อตัวเอง เขียนว่าหนูรักแม่ เขียนชื่อป่าป๊า และอีกมากมายในโลกจินตนาการของหนู และที่สำคัญหลังจากที่หนูอวดผลงานของหนูแล้ว หนูก็เดินเข้าห้องน้ำแปรงฟัน อาบน้ำแต่งตัว แบบที่เรียกว่า ง่ายมาก
 
แล้วถ้าแม่ไม่หยุดละ??? ถ้าแม่ยังคงเรียกหนูให้ไปแปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว ซ้ำๆ หลายรอบ จนแม่เกิดโมโห หงุดหงิด ขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้นตามมา??? มันก็คงไม่ต่างจากเมื่อก่อน ตอนเช้าที่แม่จะต้องปลุกหนูไปโรงเรียน บางวันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี บางวันแม่ก็หงุดหงิด หนูก็หงุดหงิด บ้านทั้งบ้านร้อน หงุดหงิดกันไปตามๆ กัน
 
ที่ผ่านมา แม่ไม่เคยได้ยินเสียงของหนูจริงๆ เลยสักครั้ง แม่ลืมนึกไปว่า บางวันตัวแม่เองก็ยังขี้เกียจ ยังง่วงอยู่ ยังอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อย แต่สิ่งที่แม่คาดหวังจากน้องเกรซคือ เมื่อถึงเวลาตื่นต้องไปรร. แม่เรียกแล้ว หนูต้องลุกทันที!!! ถ้าหนูไม่ทำตาม แม่ก็จะเริ่มหงุดหงิด กลัวจะไปรร.ไม่ทัน แม่ไม่เคยฟังสิ่งที่หนูพยายามจะบอกแม่จริงๆ เลยสักครั้งเดียว แม่นึกถึงแต่ความต้องการของตัวเอง นึกถึงแต่ผลลัพธ์ว่าต้องการให้หนูรีบตื่น อาบน้ำแต่งตัวไปรร. จะได้ไม่ไปรร.สาย นึกแต่ว่าจะ "สอน" หนูยังไง ไม่เคยมองในมุมของเด็ก ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกเด็ก เหมือนที่ครูพบบอกว่า "อย่าคิดที่จะสอน แต่ให้เริ่มที่กระบวนการ" กระบวนการที่จะทำยังไงให้หนูเติบโตขึ้นมา รับผิดชอบตัวเอง ช่วยเหลือตัวเอง คิดเองเป็น รองรับหาวิธีจัดการกับอารมณ์โกรธ เสียใจ ของตัวเองและหาทางออกแก้ปัญหาเองได้เป็น แม่ไม่เคยฝึกสิ่งเหล่านี้ให้หนูเลย
 
แต่การที่แม่หยุด..."ไม่ตัด" สิ่งที่หนูกำลังพยายามทำอยู่ตรงหน้าวันนั้น ก็เป็นการ "เติม" อะไรหลายๆ อย่างให้หนู รวมถึงตัวของแม่เองด้วย แล้วที่ผ่านมา แม่พลาดอะไรไปบ้าง แม่ตัดสิ่งดีๆ แม่ขัดขวางพัฒนาการอะไรของหนูไปมากแค่ไหนแล้ว แค่คิด...มันก็เป็นความรู้สึกที่จุกขึ้นมากลางอก แม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา แม่ขอโทษหนูนะลูก
 
ถึงเหตุการณ์นี้จะเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ เหตุการณ์หนึ่งที่แม่สามารถหยุดตัวเอง ปรับปรุงตัวเองขึ้นมาได้ แค่นี้แม่ก็ดีใจมากแล้ว มันเป็นก้าวเล็กๆ ที่จะเริ่มต้นเป็นการแม่คนใหม่ให้หนู เพราะเป้าหมายของแม่ในวันนี้ก็คือ การที่จะเป็นแม่ที่ดีที่สุดสำหรับน้องเกรซ รับฟังน้องเกรซด้วยหัวใจ แม่จะสอนวิชาชีวิตให้หนู เพื่อที่จะให้หนูสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปในอนาคต ให้หนูเอาตัวรอดได้ เมื่อวันที่หนูไม่มีแม่และป่าป๊าคอยอยู่ดูแลหนูแล้ว
 
รักน้องเกรซที่สุดคะ
แม่โอ๋
 


No comments:

Post a Comment