Thursday 21 September 2017

ศรัทธาในตัวแม่และศรัทธาในตัวลูก

 
 
เรื่องมีอยู่ว่า พอน้องเกรซขึ้นป.2 หนูก็ต้องแยกห้องกับเพื่อนรักของหนู ทีนี้เพื่อนกลุ่มใหม่ในห้องที่หนูเรียน ก็ไม่ชอบที่จะให้หนูไปเล่นกับเพื่อนรักหนูที่อยู่อีกห้องหนึ่ง...

แม่เพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อคืน จากที่เราแม่ลูกคุยกันเรื่อยเปื่อยก่อนนอนเกี่ยวกับเรื่องที่รร. และหนูก็เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง ตอนที่แม่ฟัง ใจแม่ก็มัวแต่คิดว่าจะทำยังไงดี เพราะหนูถามแม่ว่า ถ้าเป็นแม่ๆ จะบอกเพื่อนที่ห้ามไม่ให้หนูไปเล่นกับเพื่อนรักหนูยังไง สมมุติว่าเพื่อนชื่อ น้องเอ และน้องบี 2 คนนี้เค้าบอกว่า ถ้าหนูไปเล่นกับเพื่อนรักหนู เค้าก็จะไม่รักหนู
หนูไม่ได้เชื่อเพื่อนนะ แต่หนูกลัวเพื่อนไม่รัก

มีคนช่วยสะกิดใจแม่ ตอนที่แม่ไปปรึกษาเรื่องนี้ ถามแม่ว่า แล้ว ณ ตอนนั้น แม่ได้รับฟังหนูด้วยหัวใจและสะท้อนความรู้สึกของหนูรึเปล่า ใช่...เลย แม่ขอโทษที่พลาดไป แม่ไม่ได้ฟังหนูด้วยหัวใจทั้งหมดจริงๆ และไม่ได้รับรู้ สะท้อนความรู้สึกของหนูเท่าไหร่นัก เพราะ..ใจแม่มัวแต่เป็นห่วงหนู คิดว่าจะตอบหนูยังไงดี แม่ไม่ได้มีสติอยู่กับปัจจุบัน หนูคงรู้สึกอึดอัดใจ ลำบากใจ กลัว กังวล ที่เพื่อนจะไม่รัก

+++
สิ่งที่แม่ตอบหนูไป คือ พ่อแม่ให้ชีวิตหนู ชีวิตเป็นของหนู เพื่อนไม่มีสิทธิ์ในชีวิตหนู
แล้วหนูอยากจะเล่นกับเพื่อนรักของหนูรึเปล่า? หนูพยักหน้า หนูถามแม่ว่าถ้าเป็นแม่ๆ จะทำยังไง

แม่เชื่อว่าน้องเกรซรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ถ้าเป็นแม่ๆ จะถามตัวเองก่อนว่า เราอยากเล่นกับเพื่อนรักมั้ย ถ้าอยาก... เราทำให้ใครเดือดร้อนมั้ย เราทำให้ตัวเองเดือดร้อนมั้ย เพื่อนอาจจะไม่ชอบใจ ก็เรื่องของเค้า แต่ก็ดีนะที่หนูใส่ใจความรู้สึกเพื่อน

แม่เคยอ่านเจอ มีพี่ผญ.คนนึงโตกว่าหนู เค้าโดนเพื่อนที่เป็นหัวโจกบอกเพื่อนคนอื่นๆ ไม่ให้เล่นกับเค้า แต่เค้าก็ไม่สนใจ เค้าไปหาอะไรเล่นสนุกๆ ของเค้ามตอนหลังเพื่อนๆ คนอื่นเห็นเค้าเล่นน่าสนุกก็มาขอเล่นด้วย

หนูจำอีกเรื่องที่แม่เล่าให้ฟังได้มั้ย ที่พี่ฝรั่งอ้วนโดนเพื่อนแกล้ง D the whale (อ่านข่าวที่แชร์ในเฟสที่เค้าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสให้หนูฟัง ที่เค้าไปทำเสื้อยืดขายช่วยปลาวาฬ) หนูจำชื่อได้แม่นเลยคะ คงจะประทับใจ ถามแล้วจำได้ ตาเป็นประกาย

แม่เชื่อว่า หนูมีความคิดไอเดียดีๆ เยอะ หนูคงต้องดูเหตุการณ์เอาว่า หนูจะทำยังไงดี
 
+++
 แม่ก็ไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่แม่ตอบหนูไปมันถูกหรือผิด และแม่ก็ไม่มั่นใจในคำตอบตัวเองเท่าไหร่นักด้วย

+++
เพื่อนแม่บอกว่า เรื่องนี้ "หนูกำลังเรียนรู้บทเรียนชีวิตอีกบทนึงอยู่"
ทั้งหนูและแม่ กำลังเรียนรู้ไปด้วยกัน

อดทนและรอคอยอีกนิด ถ้าหนูสามารถจัดการเรื่องนี้ได้เอง หนูจะภูมิใจมาก ที่จัดการชีวิตตัวเองได้ โดยมีแม่เป็นที่ปรึกษา
 
** นี่เป็นบทเรียนหนึ่งที่จะทำให้แม่เติมพลังศรัทธาต่อแม่เองและลูก **
 
ปัญหานี้เป็นปัญหาของใคร?
แม่ไม่ควรแย่งแบบฝึกหัดของหนูมาทำเอง จนทำให้หนูขาดทักษะในการใช้ชีวิตแก้ปัญหาด้วยตนเอง
สิ่งที่แม่ทำได้คือ สอนได้ โค้ชได้ และวางใจ : )
 
เราจะผ่านบทเรียนนี้ไปด้วยกันได้ โดยหนูจะมีแม่ที่คอยรับฟังและเข้าใจหนูนะจ๊ะ
 
 
 
+++
เมื่อเช้านี้แม่ได้เห็นใจที่มีอคติของแม่เอง จนขาดความเมตตา (อีกเรื่องที่แม่อยากจะขัดเกลาและฝึกตัวเอง) แม่ถามว่าหนูอยากจะไปเล่นกับเพื่อนรักของหนูมั้ย เค้านั่งกันอยู่ที่สนามหญ้าโน่นไง แม่ชักชวนหนูให้ไป ต่อหน้าน้องเอ และน้องบี ซึ่งหนูก็ค่อยๆ เดินไป แม่คิดว่าหนูคงจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก หนูเลยจูงน้องเกลไปเป็นเพื่อนด้วย แม่สังเกตุสีหน้าอมยิ้มมีความสุขของหนู ตอนที่หนูนั่งในกลุ่มเพื่อนรักของหนู และในขณะที่น้องเอ น้องบี ก็เดินตามหนูมา แต่ไม่เข้าร่วมกลุ่มด้วย เลือกที่จะนั่งข้างๆ แทนกัน 2 คน
 
พอครูเรียกให้มาเข้าแถวกัน แม่ก็เห็นได้ชัดว่า หนูมีสีหน้าไม่มั่นใจ กังวล ป่าป๊าบอกว่า หนูคงจะกังวลใจ ไม่สบายใจถ้าเกิดเพื่อน 2 คนถาม หนูจะทำยังไงดี...

 
+++
แม่ถามน้องเอว่า ปกติอยู่ที่รร. หนูเล่นกับใครบ้างเหรอคะ น้ำเสียงของแม่ถามเพื่อนหนูแบบปกติ แต่แว่บนั่นเอง ที่แม่เห็นใจที่มีอคติ ไม่ชอบเพื่อนหนู เพราะทำให้ลูกแม่ลำบากใจ ทำไมต้องมาบงการ เป็นหัวโจก บลาๆๆ
 
 
ใจของแม่ที่คิดไม่ดี จริงๆ ทุกเหตุการณ์ล้วนมีที่มาและที่ไป เพื่อนของหนูอาจจะมีปมหรืออะไรบางอย่างที่ทำให้เค้าแสดงออกแบบนั้น คอยไปห้ามไม่ให้คนนี้เล่นกับคนโน้น คอยไปบอกไม่ให้เพื่อนๆ รักคนนี้ เป็นต้น
 
แม่ได้สติคิดว่า ถ้าเป็นเพื่อนของแม่ หรือบุคคลอื่นๆ ที่เค้ามีเมตตา เค้าคงเลือกที่จะไม่แสดงออกแบบที่แม่ทำ  เห็นจิตที่ไม่มีเมตตาของตัวเอง
 
เพื่อนแม่บอกว่า "อันนี้ดีสุด คือเห็นใจตัวเองให้ชัด"
เราคุยกันว่า จริงๆ เราก็ห้ามความคิดให้คิดดีตลอดไม่ได้ และถ้าเรายังมีเมตตาไม่ได้ก็แค่ให้รู้มันไป
 
เพื่อนยังเตือนสติแม่ต่ออีกว่า... อย่ามองเห็น "ปัญหา" จนลืมว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของ "ปัญญา" เนาะ 

+++
แม่ยังจำคำๆ นึงได้ว่า "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ"
แม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นแบบฝึกหัดสำหรับเราแม่ลูก
เป็นโอกาสที่ดี ที่แม่จะได้สร้างศรัทธาในตัวเอง
เป็นโอกาสที่ดี ที่ลูกของแม่จะได้สร้างศรัทธาในตัวเอง
เพื่อที่ก้าวผ่านมันไป เพื่อรอรับบทเรียนต่อๆ ไปในชีวิต เช่นกัน


+++
อัพเดท 25/09/2560

อาทิตย์ที่แล้วแม่ถามหนูว่า เพื่อนเอ ยังห้ามไม่ให้หนูไปเล่นกับเพื่อนรักของหนูอีกรึเปล่าคะ

น้องเกรซตอบว่า.. แม่ จริงๆ แล้วหนูน่าจะเข้าใจเพื่อนเอผิดคะ เค้าไม่ได้ห้ามหนูไปเล่นกับเพื่อนรักหนู เค้าแค่บอกว่า ถ้าหนูจะไปเล่น ก็ให้หนูมาบอกเค้าก่อน

แว่บแรกที่ได้ยินลูกเล่า... แม่ปรี๊ดดดดขึ้นทันที ตามประสาคนไม่ยอมใครง่ายๆ ไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบ สวนกลับทันที
"ทำไมเราต้องไปเชื่อเค้าด้วย เค้าก็เป็นแค่เพื่อนคนนึง ไม่ใช่หัวหน้าเราสักหน่อย ทำไมเราต้องขออนุญาตเค้า เราอยากไปเล่นกับใครก็ได้ เค้าไมีมีสิทธิ์มาสั่งเรา....

สักพักสติเพิ่งจะกลับมา แม่ถามลูกชุดใหญ่ ไอ้คำถามประเภท ทำไมๆๆๆ เนี่ย ก็รู้อยู่แล้วนะ ว่าลูกจะตอบได้มั้ย หนังสือตำราเลี้ยงลุกเชิงบวก ก็อ่านมาเยอะ แต่พอขาดสติเท่านั้น แม่ก็ทำตามสัญชาติญาณทันที (ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพระาแม่เติบโตมาแบบนี้ การจะเปลี่ยนทันทีคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่แม่ก็เชื่อมั่นว่า มันไม่ยากที่จะปรับเปลี่ยน)

แล้วการที่แม่สวนกลับหนูแบบนั้น มันก็คงไม่ต่างกับการที่แม่กำลังสั่ง กำลังบงการชีวิตหนูเหมือนกัน แม่ไม่ได้รับฟังหนูจริงๆ (อีกแล้ว) ว่า จริงๆ แล้วหนูคิดและรู้สึกยังไงกันแน่ แม่ขอโทษนะลูก

ครั้งนี้ยังดีที่สติมาทัน จากนั้นแม่ก็หยุด นั่งพิจารณา
ก่อนหน้านั้นที่แม่วิตกกังวลไป พอผ่านมาไม่กี่วัน story เปลี่ยนอีกละ แม่ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันเลย แม่กังวล ห่วงหนูเกินไปรึเปล่า หนูควรที่จะได้เรียนรู้ชีวิตตัวเองมากกว่านี้มั้ยนะ
 
 
 
 
 

No comments:

Post a Comment