First fly to HK
3-7 ธันวา เราไปเที่ยวฮ่องกงกันจ้า เป็นครั้งแรกที่น้องเกรซได้นั่งเครื่องบินเลยน๊า มัมมี้บิวต์หนูมาหลายเดือนเลยละ ซื้อหนังสือชุด First experience ของ Oxford Reading Tree ตัวละครเป็นเด็กผู้ชายชื่อ Kipper ตั้งแต่ไปหาหมอฟัน ไปโรงเรียน รวมถึงนั่งเครื่องบิน ครั้งแรกมาอ่านให้หนูฟัง น้องเกรซชอบ Kipper มาก ก่อนบินมัมมี้ก็หยิบเล่ม Kipper..on the plane มาปัดฝุ่นอ่านให้หนูฟังใหม่ พอเราไปถึงสนามบินก็ได้โอกาสอธิบายชี้ให้น้องเกรซดูของจริง หนูตื่นตาตื่นใจกับ air plane มากกก
ขึ้นเครื่องครั้งแรกนั่งเรียบร้อยดีไม่มีงอแง ไม่มีเจ็บหู เพราะมัมมี้ยื่นตุ๊กตาพี่แอนนี่ให้ปุ๊บหนูก็เอานิ้วเข้าปากปั๊บ 555 นี่คงเป็นข้อดีอีกอย่างที่หนูยังติดดูดนิ้วไม่เลิก ส่วนขากลับพี่แอนนี่ตกกระป๋องเพราะน้องเกรซได้เพื่อนใหม่ชื่อ พี่มินนี่ มากอดขึ้นเครื่องแทน : )
ทริปนี้เป็นครั้งแรกของป่าปี้มัมมี้ด้วยที่พาหนูขึ้นเครื่องไปไกลถึงฮ่องกง สมบัติเยอะมากก ทั้งนม ขวดนม น้ำยาและแปรงล้างขวดนม ขนม เสื้อหนาว ผ้าห่ม ตุ๊กตาตัวโปรด แพมเพริ์ส รถเข็น ของหนู จองตั๋ว Air Asia ไว้นานมากแล้วตั้งแต่น้องเกรซอายุแค่ 1 ขวบ 2 เดือน กว่าจะได้ไปกันหนู 1 ขวบ 11 เดือนแล้ว ตอนที่จองตั๋วเรามองกันว่าหนูยังเล็กเลยเลือกไฟล์กลางคืนไปถึงหนูจะได้นอนพักก่อน พอถึงเวลาไปจริงๆ อืม...เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก น้องเกรซไม่ได้เป็นเบบี๋เล็กๆ อีกแล้ว ถ้าจองไฟล์ไปถึงเช้าแล้วลุยเที่ยวเลยหนูก็น่าจะโอเค โปรแกรม 5 วัน 4 คืน จึงได้เที่ยวจริงๆ แค่ 3วัน เพราะวันที่ 5 เราก็บินกลับกันไฟล์เช้า
วางโปรแกรมไว้ว่าจะออกจากโรงแรมไปเที่ยวที่ต่างๆ ราวๆ 8 โมง แต่พอเอาเข้าจริง วันแรกกว่าจะได้ออกเดินทางปาเข้าไป 10 โมง 555 ไม่เป็นไรเรามีเด็กเล็กนี่เนอะ เปลี่ยนแผนได้ค่า
ไปถึงสนามบินที่โน่นใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด คนฮ่องกงเค้าทำงานกันเร็วมาก พอผ่าน ตม. ปุ๊บไปรอกระเป๋าก็มาถึงแล้ว จากนั้นเราก็ไปติดต่อ counter ที่เราซื้อตั๋วรถ airport bus เอาไว้ก่อน รวมถึงตั๋วเที่ยววันอื่นๆ ด้วยเพื่อเป็นการประหยัดเวลาไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วอีก ครั้งแรกอีกเหมือนกันที่น้องเกรซได้นั่งรถบัส หลังจากที่ชี้ๆ ดูๆ รถบัสชาวบ้านเค้ามาเยอะ เราพักกันฝั่งเกาะฮ่องกง พอถึงโรงแรม Metropark Wan Chai ห้องพักดีมากกก ได้ยินว่าเค้าอัพเกรดห้องพักให้เราด้วยเพราะตอนจองไปมัมมี้ให้ป่าปี้ request ไปด้วยว่าเราขอชั้นสูงๆ ปรากฎว่าได้พักชั้นสูงสมใจ ชั้น 18 สูงสุดของเค้าเลย
ขอ baby cot เค้าไว้ซะดิบดี ถามหนูว่าจะนอนมั๊ย หนูบอกนอน ลงไปเกลือกลิ้งเล่น พอเอาเข้าจริงกลับมานอนเป็นไส้แซนวิสกับมัมมี้ป่าปี้เหมือนเดิม มัมมี้เอาหนูเข้านอน ป่าปี้ย่องออกไปหาข้าวมื้อดึกหม่ำ กลับมาอีกทีพร้อมกล่องข้าวผัดกระเพราเนื้อรสแซ่บ มัมมี้กินไปก็สงสัยไปว่าทำไมมันให้ข้าวน้อยจังว๊า ไอ้เราก็นึกว่าป่าปี้ซื้อมาฝาก ที่ไหนได้กินเหลือมาให้เรานี่หว่า
Day 1: กระเช้านองปิง - ช้อปปิ้ง Citygate outlet mall - ช้อปปิ้งถนนนาธาน - The Symphony of Lights
โปรแกรมวันแรก เน้นช้อปปิ้งเป็นหลัก มื้อเช้าของวันแรกขี้เกียจไปหาของกินข้างนอกเลยกิน buffet ที่โรงแรม ราคาไม่แพงแต่อาหารธรรมดามากๆ รสชาติก็งั้นๆ น้องเกรซไม่ค่อยหม่ำอะไรอีกมาเคย ขนาดเอา iPad มาเป็นตัวช่วยก็ยังไม่กิน ไม่เป็นไรมัมมี้กับป่าปี้ทำใจซะแล้ว ให้หนูนอนกินนมในรถเข็นแล้วเราก็ออกเดินทางกันหลังจากที่มัมมี้ป่าปี้หม่ำเสร็จ
พาน้องเกรซขึ้นรถไฟฟ้าครั้งแรก หนูดูตื่นตาตื่นใจพอสมควร ทริปนี้หนูได้นั่งทั้งเครื่องบิน รถบัส รถไฟฟ้า กระเช้าไฟฟ้า เรียกได้ว่าได้ประสบการณ์การเดินทางหลากหลายเลยน๊า กว่าจะไปถึงกระเช้านองปิงก็ปาเข้าไป 11 โมง คนต่อแถวซื้อตั๋วและต่อแถวขึ้นกระเช้าเยอะมาก คงเป็นเพราะมันเป็นวันหยุดด้วยละ ดีที่เราซื้อตั๋วไว้แล้วเลยทุ่นเวลาต่อแถวซื้อตั๋วไปได้ แต่กว่าจะถึงคิวได้นั่งกระเช้าก็รออีกเกือบ 1 ชั่วโมงได้ ระหว่างที่อยู่ในแถว น้องเกรซจะชอบไปจับๆ ดึงๆ ไอ้เชือกที่เค้ากั้นแถวเล่น คงจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับหนู วันนี้ฟ้าโปร่งอากาศดีมาก ขึ้นกระเช้าเห็นวิวสวยเชียว
เรานั่งไปลงสุดสถานีที่เกาะลันเตา หมู่บ้านวัฒนธรรมและพระใหญ่ มองเห็นพระใหญ่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ศึกษาข้อมูลมาแล้วว่าถ้าจะขึ้นไปนมัสการท่านต้องขึ้นบันไดอีกเป็นร้อยขั้น งานนี้มัมมี้ขอบายดีกว่า ยังไม่อยากมาลดความอ้วนที่นี่ : )
เดินเล่นถ่ายรูปที่หมู่บ้านวัฒนธรรมสักพัก ก็นั่งกระเช้าข้ามกลับมาเพื่อหม่ำๆ ข้าวเที่ยงกันที่ City Gate Outlet ขากลับคิวขึ้นกระเช้าไม่ยาวเลย รอแป๊บเดียวก็ได้นั่งแล้วเพราะคนส่วนใหญ่ยังเดินเล่นกันอยู่บ้าง หม่ำข้าวเที่ยงอยู่บ้าง มัมมี้กับป่าปี้ดูๆ แล้วไม่ยักจะได้ช้อปอะไรมากมายที่นี่ แต่เห็นแต่ละร้านคงเยอะมากๆ เราคุยกันว่าคนส่วนใหญ่มาช้อปปิ้งที่ฮ่องกง ทำไมเรา 2 คนไม่ค่อยมีอะไรให้ซื้อเลย ว่าไม่ค่อยได้อะไร แต่มัมมี้ก็ยังได้กระเป๋าติดมือมา 3 ใบ ป่าปี้ได้หมวก 3 ใบ
ปกติช่วงบ่ายจะเป็นเวลาที่น้องเกรซนอนกลางวัน มาเที่ยวแบบนี้ต้องทำใจ ใช้รถเข็นเป็นที่นอนให้หนูแทน หนูหลับป่าปี้กับมัมมี้ก็เดินช้อปปิ้ง พอหนูตื่นเราก็นั่งรถไฟกลับไปช้อปต่อที่ถนนนาธาน มัมมี้ได้น้ำหอมมา 3 ขวด เสื้อ 1 ตัว ส่วนป่าปี้ได้เสื้อแค่ 1 ตัว 555 มีเวลาช้อปไม่ค่อยมากนักที่ถนนนาธานเพราะเราออกจากโรงแรมกันสาย เวลามันเลยต้องร่นไปหมด ต้องเตรียมตัวไปดู Symphony of Lights กันตอน 2 ทุ่ม แต่เห็นเค้าว่าให้เผื่อเวลาไปก่อนสักทุ่มครึ่งจะได้หาที่นั่งเหมาะๆ ดู ถามคนแถวนั้นแล้วว่าเดินไปไกลมั๊ย สรุปแล้วเลยได้นั่ง Taxi ไป Taxi คันที่เจอขับรถห่วยมาก คิดว่าเป็นเฉพาะเมืองไทยแล้วเชียว ซิ่งสุดๆ นั่งแล้วลุ้นระทึกชมัด มาถึง Avenue of Stars อากาศเย็นใช้ได้เลยเพราะลมแรง มองๆ หาอะไรกินมื้อเย็นกันดี สุดท้ายได้แม็คมาแทนการไปนั่งกินในร้านอาหารเพราะกลัวว่ากว่าจะกินเสร็จกลับมาจะไม่มีที่ดู ใช้เวลาดูประมาณ 15 นาทีกับการแสดง SOF จากนั้นก็กลับโรงแรมเป็นอันหมดวันแรกของทริปนี้
Day 2: Hong Kong Disneyland
วันนี้จัดให้น้องเกรซโดยเฉพาะ มัมมี้ทำการบ้านเยอะพอควรว่าเราจะไปดูโชว์และเล่นเครื่องเล่นอะไรกันบ้างภายใน 1 วัน นั่งรถไฟจากโรงแรมแล้วก็ไปต่อสายมิกกี้อีก 1 สถานีไปยัง HK Disney Land เราเลือกไปวันธรรมดาคนจะได้ไม่เยอะมาก วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดีไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป แถมไม่มีแดดด้วย ถ่ายรูปบนรถไฟสายมิกกี้กับที่สถานีนิดหน่อยก็รีบเข้าไปละ เดี๋ยวไม่ทันดูโชว์ตามโปรแกรมที่เซตไว้
มาถึงก็แชะรูปกับป้ายทางเข้าซะหน่อย
ผ่านเข้าประตูมาก็หยิบตารางดูโชว์และแผนที่ ป่าปี้กางแผนที่ดู หนูก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยนะ ต้องเอาแผนที่ให้หนูอีกแผ่น ทำท่าดูเป็นจริงเป็นจังเหมือนดูรู้เรื่องเลย ดูแล้วเห็นตัวเลขในแผนที่ก็พูดไปเรื่อย "number 1... number 6 เราไปไหนกัน" ไอ้แผนที่นี่ชอบมาก ต้องเอากลับมาบ้านด้วย กลับมาก็ชอบให้มัมมี้อ่านให้ฟัง
เราไปแวะ Adventure Land ก่อน มัมมี้อยากนั่ง Jungle River Cruise เป็นการล่องเรือชมบรรยากาศต่าง ๆ แบบซาฟารี แต่ด้วยความรีบร้อนเลยขึ้นฝั่งไปขึ้นแพที่เค้าพาข้ามฝั่งข้ามไปบ้านทาร์ซานแทน พอข้ามกลับมาจะไปต่อแถวนั่ง Cruise ดูเวลาแล้วไม่ทันกลับมาดูโชว์ Festival of the lion king แน่ๆ เลยต้องเข้าไปดูโชว์ก่อน กะว่าดูโชว์เสร็จค่อยออกมานั่งเรือก็ได้
เรือที่มัมมี้อยากนั่งแต่ดันขึ้นผิดไปนั่งแพแทนซะงั้น
นั่งแพข้ามไปบ้านทาร์ซาน
โชว์ Festival of The Lion King
ก่อนที่โชว์จะเริ่ม น้องเกรซดันบอกว่าจะ poop เอาละหว่าทำไงดีเนี่ย ปกติเวลาหนูบอกว่าจะ poop จะต้องพาหนูไปนั่งส้วมแล้วอ่าอึ๊ด้วยกัน นี่เราเข้ามาข้างในแล้วแถมประตูปิดแล้วด้วย เลยต้องพาหนูไปนั่งหลบมุมแล้วให้อึในแพมเพริ์สแทน น้องเกรซเบ่งอยู่พักนึงแต่ไม่ออก เลยกลับมาที่นั่งแล้วนั่งดูโชว์ต่อ พอดูโชว์จบออกมาข้างนอก หนูบอกว่าจะ poop อีก มัมมี้เลยพาหนูไปนั่งส้วมด้วยกัน หนูเบ่งอยู่นานมากก็ไม่ออก มัมมี้ช่วยดูให้เห็นอึ๊คาก้นก้อนเบ่อเริ่ม แข็งมากด้วย พยายามใช้นิ้วช่วยแคะก็ไม่ออก น้องเกรซเริ่มปวดท้อง ร้องไห้ครวญครางน่าสงสารมาก ออกมาบอกป่าปี้ให้ป่าปี้ลองเป็นคนพาหนูไปอึ๊อีกรอบก็ไม่สำเร็จ เจอเจ้าหน้าที่แถวนั้นเลยถามเค้าว่ามีห้องพยาบาลมั๊ยคงต้องให้หมอช่วยดูหรือสวนก้นให้ ปรากฎว่าพาไปถึงห้องพยาบาลก็มีแต่พยาบาลไม่มีหมอ ถามเค้าแล้วต้องออกไปข้างนอกอีก 1 สถานีจะมีคลินิกอยู่ เอาละหว่า...เพิ่งดูโชว์ไปได้อันเดียวเอง ทำไงดีละเนี่ย เค้าบอกว่ากลับเข้ามาใหม่ได้ แต่ปรึกษากันแล้วดูเหมือนว่าหนูจะหายปวดท้องแล้ว ไม่ร้องไห้แล้ว พยาบาลบอกว่าถ้าหายปวดท้องแล้วก็ไม่เป็นไรมาก ให้กินน้ำเยอะๆ จะได้อึ๊ง่ายๆ ดูท่าน้องเกรซก็ง่วงนอนแล้วด้วย เลยตัดสินใจพาหนูไปหม่ำก่อน ซื้อบะหมี่น้ำมาให้กิน น้องเกรซไม่ยอมกินอีกเหมือนเดิม ที่อึ๊แข็งอึ๊ไม่ออกนี่ส่วนหนึ่งก็เพราะเดินทางไกลด้วย หนูไม่ค่อยกินอะไรด้วย น้ำก็ไม่ยอมกิน ป้อนได้แต่น้ำซูปไปเกือบหมดชาม
เสร็จแล้วเลยพาหนูไปถ่ายรูปกับดาราที่ Fantasy Land
น้องเกรซทำท่า "โอ้โหหห"
ดูพาเหรดจบ น้องเกรซก็แบตหมดทันทีเพราะปาเข้าไปเกือบ 4 โมงเย็นแล้ว ยังไม่ได้นอนเลย ระหว่างที่หนูหลับป่าปี้มัมมี้เลยเข้าไปดูพวกของฝากในร้านค้า ได้ตุ๊กตามินนี่มาให้หนู 1 ตัว แก้วน้ำ 1 ใบ กล้องถ่ายรูป กระเป๋าถือมินนี่ แล้วก็ของฝากป้าจ้าเป็น magnet ติดตู้เย็น ของฝากเจ่เจ้เป็นปราสาทเจ้าหญิง หนูตื่นมาเห็นอยากได้บ้าง เลยต้องตกลงกันว่าไว้ให้หนูไปขอเจ่เจ้เล่นด้วยกันนะ
น้องเกรซตื่นแล้วเลยไปดูโชว์ The Golden Mickey กัน
ต่อด้วยเครื่องเล่น It's a small world เป็นการนั่งเรือเข้าไปดูประเทศต่างๆ ที่เค้าจำลองเอาไว้ข้างใน
ออกมาก็ตะลุย The Many Adventures of The Winnie The Pooh กันต่อ
ได้เวลาหม่ำข้าวเย็น เตรียมตัวไปดูเค้าจุดพลุกันตอน 2 ทุ่ม แต่...ระหว่างที่มัมมี้เพิ่งลงมือกินข้าวไปได้แค่ไม่กี่คำ น้องเกรซก็บอกว่า หนูจะ poop อีก มัมมี้รีบอุ้มหนูไปห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด หนูเบ่งไม่ออกอีกตามเคย เริ่มร้องไห้งอแง เลยตัดสินใจพาหนูไปหาหมอดีกว่า เพราะพยายามให้หนูกินน้ำกินผลไม้เยอะๆ แล้วก็ไม่ออก
แอบแชะภาพปราสาทตอนกลางคืนมา 1 รูป ดูเทียบกับตอนกลางวันแล้วคนละอารมณ์กันเลย
ไปถึงคลินิกที่อยู่ใกล้ที่สุด ในตารางเวลาที่ได้มาจากห้องพยาบาลบอกว่าปิด 2 ทุ่ม เราไปถึงแค่ทุ่มนิดๆ เห็นคนนั่งรอเยอะทีเดียว เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ถามว่าเป็นอะไรมา เราก็อธิบายเค้าไปว่าหนูอึไม่ออก คาอยู่ที่ก้น เจ็บร้องไห้ตั้งแต่เช้า พยายามทั้งวันก็ยังไม่ออก ไม่ได้อึมา 2 วันแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าเค้าปิดรับแล้วเพราะวันนี้คนไข้เยอะ : (
มัมมี้ไม่พอใจทันทีที่ได้ยิน นี่เรามีเด็กเล็กมาด้วยนะ ทำไมคุณใจดำกันจัง แถมยังไม่ถึงเวลาปิดของคุณด้วยซ้ำ เท่าที่มาเที่ยวครั้งนี้เราสรุปกันว่าเราไม่ชอบประเทศนี้ ไม่ชอบคนฮ่องกงเพราะพวกเค้าดูเคร่งเครียด รีบเร่ง ไม่มีน้ำใจกันซะเลย ยิ่งมาเจอเคสนี้อีก จนท.บอกว่าให้เราลองโทรไปคลินิกอื่นดูเผื่อเค้าจะรับ แล้วเราจะโทรอะไรกันยังไง เราเป็นนักท่องเที่ยวนะไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อย
โฉมหน้าไอ้คลินิกแล้งน้ำใจ
พอโดนปฏิเสธ เราก็ออกมานั่งตั้งสติกันแป๊บนึง ปรึกษากันว่าจะเอาไงดี ป่าปี้ซื้อน้ำแห้วมาให้หนูดื่มด้วย หนูชอบมาก เราสองคนไม่เคยเจอเคสหนูอึไม่ออกมาก่อน สุดท้ายเลยตัดสินใจให้ป่าปี้เช็คกับลุงม้ง ให้ลุงม้งถามแฟนคุณลุงที่เป็นหมอเด็กหน่อยว่า ไอ้ยาสวนก้นเด็ก มันชื่อตัวยาอะไร ใช้ยังไง เราจะไปแวะซื้อที่ร้านขายยากัน จัดการกันเองก็ได้ฟระ ตัดสินใจกลับโรงแรม แวะซื้อยา พอถึงโรงแรมยังไม่ทันได้สวนก้นหนู หนูบอกว่าจะ poop อีกรอบ พาไปนั่งอึ๊ เบ่งอยู่แป๊บนึง อึ๊แข็งคาก้นเหมือนเดิม ป่าปี้เลยใช้ที่สวนก้นช่วยเขี่ยเอาอึออก มันคงได้น้ำยาจากที่สวนก้นเข้าไปบ้าง ตรงหัวอึที่แข็งๆ เลยหลุดออกมา จากนั้นหนูก็เลยอึ๊ออกมาได้ เฮ้อ...เล่นเอาลุ้นเหนื่อยทั้งวัน ทริปนี้เลยได้ประสบการณ์ว่าเวลาเดินทางไกลหนูอาจจะมีอาการอึ๊ไม่ออกได้ต้องพกยาสวนก้นไปด้วยทุกครั้ง
อึ๊ออกมาแล้วน้องเกรซก็มานั่งถ่ายรูปเล่นกับมินนี่อย่างสบายอารมณ์
เดินถือกระเป๋ามินนี่ทำท่าคุณนายไปทั่วห้อง
Day 3: เซินเจิ้น - Tiffany Treasures
ทีแรกโปรแกรมวันนี้ลังเลว่าถ้าไม่ไปเซินเจิ้นก็จะไปหาซื้ออาหารทะเลพวกเป๋าฮื้อ หอยเชลแห้งกัน เพราะไม่แน่ใจว่ามันทำ visa on arrival ที่ด่านเซินเจิ้นได้รึเปล่า สุดท้ายป่าปี้เช็คกับคนรู้จักที่ทำทัวร์เค้า confirm ว่าทำได้ แต่พอไปถึงแล้วก็ต้องผิดหวัง ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเลย พวกของก๊อปต่างๆ ที่เคยวางขายเมื่อสมัย 7-8 ปีที่แล้วที่ป่าปี้เคยมาก็ไม่มีเพราะมีตำรวจตรวจ เค้าเก็บเรียบ ตั้งใจจะไปซื้อกระเป๋าเดินทางSumsonite ก็ไม่ได้ซื้อ อยากได้ของก๊อปอะไรก็ต้องเปิดแคตตาล๊อกดู ได้นาฬิกาก๊อปโอเมก้ามาให้อากงใส่เล่นๆ 2 เรือน แล้วก็กระเป๋าถือผู้ชายให้ก๋ง 2 ใบ อ่อที่ดูเหมือนจะคุ้มก็เป็นพวกเสื้อผ้าน้องเกรซตัวละแค่ร้อยกว่าบาทเอง เสียเวลาที่นี่นานมากเพราะกว่าจะเปิดแคตตาล๊อก กว่าคนขายจะโทรบอกให้คนในร้านถือมาให้ดู รอนานมาก
ข้ามกลับมาฝั่งฮ่องกงก็เย็นแล้ว ตัดสินใจกลับโรงแรมกันก่อนแล้วค่อยออกมาอีกรอบ เห็นในเว็บมีโฆษณาไว้ว่ามีงาน HK Winter Festival ที่สถานี Central จะมีม้าหมุนด้วย เลยอยากพาน้องเกรซไปนั่งและไปถ่ายรูป กลับมาโรงแรมก็ดีอย่าง ได้ให้หนูเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกชุดเพราะยายจ๋าซื้อเสื้อผ้ามาจากอเมริกาให้หนูเยอะมาก สั่งมาว่าให้หนูใส่แล้วถ่ายรูปไปให้ยายดูด้วย : )
ไปถึงงานก็แทบจะไม่มีอะไรเลย นอกจากม้าหมุน ต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ๆ มีเปิดเพลงแค่นั้นเอง น้องเกรซไปเดินวนๆ รอบๆ เสา เต้นทำท่ารูดเสาอยู่พักนึง อิอิ
แล้วก็เดินไปเดินมาตื่นเต้นใต้ต้นคริสมาสต์ยักษ์อยู่อีกแป๊บ
พาน้องเกรซไปนั่งม้าหมุนครั้งแรก ท่าทางเกร็งเชียว ประมาณเสียวๆ มันส์ๆ 555 น้องเกรซนั่งม้าหมุน 2 รอบเพราะเราซื้อตั๋วมา 2 ใบ หนูไม่ต้องซื้อ เลยได้เล่นกับป่าปี้ 1 รอบ มัมมี้อีก 1 รอบ
ก่อนกลับทริปนี้ก็ยังอุตส่าห์เจอไอ้พวกคนฮ่องกงใจร้ายอีกรอบ เราไปนั่งหม่ำก๋วยเตี๋ยวเนื้อในร้านใกล้ๆ โรงแรมกัน ระหว่างที่รออาหารมาเสริฟ น้องเกรซก็ซนตามประสาเด็ก (อย่างหนูเรียกว่าซนน้อยมาก หนูเป็นเด็กออกจะเรียบร้อยด้วยซ้ำ) มีช้อนวางอยู่บนโต๊ะ หนูหยิบมาเคาะลงบนโต๊ะ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความที่โต๊ะมันปูด้วยกระจกเสียงเลยดัง ไอ้คนขายผู้ชายแก่ๆ รีบหันขวับมาตวาดใส่หนูดังลั่นร้าน หนูช๊อคไปเลย ทำปากเบะจะร้องไห้ มัมมี้กับป่าปี้รีบขอโทษคนในร้านแทนหนู เรารู้ว่าหนูไม่ได้ตั้งใจ หนูยังมีอาการช๊อคอยู่ไม่ดีขึ้น ป่าปี้เลยอุ้มหนูออกไปนอกร้านไปดูโน่นดูนี่ กลับเข้ามาใหม่ก็ไม่ดีขึ้น สรุปบะหมี่ที่สั่งมาจะให้หนูกิน หนูก็ไม่ได้กิน เราเลยรีบกินแล้วรีบกลับโรงแรมกัน กลับมาแล้วมัมมี้มานั่งนึกๆ ไม่น่าไปนั่งกินของมันต่อเลย น่าจะเดินออกจากร้านทันทีที่มันตวาดหนูด้วยซ้ำ
วันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางกลับเมืองไทยกันจ๊ะ ยายจ๋ากับก๋งมารับที่สนามบิน น้องเกรซดีใจโม้ให้ยายกับก๋งฟังใหญ่ อวดตุ๊กตาพี่มินนี่ให้ก๋งถือไม่รู้ตั้งกี่รอบ สรุปแล้วทริปนี้มัมมี้กับป่าปี้ไม่ปลื้ม ป่าปี้บอกว่าญี่ปุ่นดีกว่าเยอะ ไว้คราวนี้เราไปเที่ยว Disney Land ที่ญี่ปุ่นกันดีกว่าเนอะ ใหญ่กว่า คนก็มีมารยาทกว่าตั้งเยอะ
No comments:
Post a Comment